BUYING GUIDES
NOV 08,2017
ถ้าดูแค่ภายนอก Phantom 4 Pro กับ Pro+ นี่แฝดกันชัดๆ เลย แต่จริงๆ แล้วก็มีจุดต่างที่น่าสนใจอยู่พอควร ซึ่งช่วยบอกว่ารุ่นไหนที่เหมาะกับการใช้งานของคุณได้ด้วย เชิญอ่าน แล้วจะรู้ว่าเงินในกระเป๋า ควรมอบให้กับใคร!
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Tom's Tech Time
------
จุดที่แตกต่างกันระหว่าง Phantom 4 Pro กับ Pro+ หลักๆ มีดังนี้
------
#Remote Controller (รีโมตควบคุม)
ถ้าเป็น Phantom 4 Pro ยังต้องใช้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตของคุณเองมาเชื่อมต่อ เพื่อใช้เป็นจอมอนิเตอร์ให้รีโมตเหมือนกับโดรนรุ่นก่อนๆ ครับ แต่ถ้าเป็น Phantom 4 Pro+ รีโมตจะมาพร้อมจอบิ้วท์อินขนาด 5.5 นิ้วเลย โดยจอนี้มีความคมชัดที่ 1,290 x 1,280 (FHD) พร้อมระบบปฏิบัติการแบบแอนดรอยด์ และมีจุดเด่นตรงระดับความสว่างที่สูงถึง 1,000 cd/m2 ซึ่งถือว่ามากกว่าความสว่างของหน้าจอสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตปกติ ประมาณ 2 เท่าเลยทีเดียว โดยตรงนี้จะเป็นประโยชน์มากเมื่อเราใช้ถ่ายงานกลางแจ้งครับ เพราะจอจะสว่างสู้แดดได้สบายๆ หมดปัญหามองภาพบนมอนิเตอร์ไม่เห็นนั่นเอง ดังนั้น ถ้าใครใช้ Phantom 4 Pro+ ก็หายห่วงเรื่องนี้ไปเลย แต่ถ้าใครใช้ Phantom 4 Pro ที่ยังต้องต่อจอเป็นสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตเหมือนเดิม ก็คงต้องใช้ Sun Hood มาช่วยในเรื่องนี้ ยุ่งยากเพิ่มอีกหน่อยครับ
รีโมต Phantom 4 Pro เดี่ยวๆ หนัก 855 กรัม แต่ถ้าต่อจอด้วย ซึ่งในการทดสอบนี้เราใช้เป็น iPad mini 4 รวมแล้วจะหนัก 1,162 กรัมครับ ในขณะที่ Phantom 4 Pro+ นั้นจะเบากว่า เพราะทั้งรีโมตทั้งจอบิ้วท์อิน รวมแล้วหนัก 1,010 กรัม โดยรีโมตเบาๆ ก็จะช่วยให้ถือนานๆ แล้วไม่เมื่อยตอนบังคับบินนั่นเอง แต่ถ้าคุณยังอยากใช้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตของตัวเองอยู่ หรืออยากใช้จอมอนิเตอร์หลายๆ ขนาดละก็ คงต้องเลือกเป็น Phantom 4 Pro แทน ทั้งนี้ ถ้าเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต เป็นรุ่นที่เล็กหรือเบากว่าที่เราใช้ทดสอบ ก็จะสามารถทำให้เซ็ตรีโมตของ Phantom 4 Pro เบากว่าของ Phantom 4 Pro+ ได้เช่นกันครับ
ด้านหลังรีโมตของ Phantom 4 Pro จะมีแค่พอร์ต USB 2 ขนาดเท่านั้น แต่ฝั่ง Phantom 4 Pro+ นอกจากพอร์ต USB 2 ขนาดแล้ว จะมีช่องเสียบ Micro SD Card และพอร์ต HDMI Output มาให้ด้วย ซึ่งหมายความว่า คุณจะสามารถต่อรีโมตกับจอต่างๆ เพื่อถ่ายทอดสดภาพที่เห็นจากจอมอนิเตอร์ของรีโมตได้ทันทีเลยครับ ทั้งนี้ ถ้าใครอยากให้ Phantom 4 Pro ทำแบบนี้ได้บ้าง ก็สามารถซื้อ DJI Phantom HDMI Module มาต่อเพิ่มได้z
เมื่อทดลองเปิดจอแท็บเล็ต (iPad mini 4) ที่เชื่อมต่ออยู่กับรีโมตของ Phantom 4 Pro พร้อมๆ กับเปิดจอบิ้วท์อินของรีโมต Phantom 4 Pro+ ปรากฎว่าจอของฝั่ง Phantom 4 Pro+ บูสได้เร็วกว่าพอควร หมายถึงพร้อมให้เราใช้งานได้เร็วกว่านั่นเอง แต่โดยรวมแล้วทั้งสองรุ่นก็ยังถือว่าบูสได้เร็ว ไม่นานเกินอดทนรอสำหรับนักบินทุกท่านครับ
รีโมตของ Phantom 4 Pro+ จะมีเสียงในการทำงานที่ดังพอควร และเมื่อเราขยับรีโมตพลิกไปมา มันก็จะยิ่งส่งเสียงดังขึ้นได้อีก ในขณะที่รีโมตของ Phantom 4 Pro จะทำงานได้ค่อนข้างเงียบ จับพลิกไปมาแล้วก็ยังเสียงเบาอยู่
ทั้งนี้ สาเหตุที่รีโมตของ Phantom 4 Pro+ มีเสียงทำงานค่อนข้างดังก็เพราะ ภายในมีพัดลมคอยระบายความร้อนให้ระบบทั้งหมด ทั้งรีโมตทั้งจอครับ แต่ความดังของมันก็ถือว่ายังอยู่ในจุดที่รับได้ ไม่ได้สร้างความรำคาญ หรือเป็นอุปสรรคในการใช้งานมากมายแต่อย่างใด
สำหรับ Phantom 4 Pro นั้น ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยความจำของสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต ที่เราเอามาใช้ต่อเป็นจอมอนิเตอร์ครับ เช่น ถ้าเป็น iPad mini 4 ที่เราใช้ทดสอบครั้งนี้ ก็จะมีแบบ 32 / 64 / 128 GB ส่วนฝั่ง Phantom 4 Pro+ จอมอนิเตอร์บิ้วท์อินของมันมีหน่วยความจำภายในอยู่ที่ 16 GB แต่ถ้าคุณอยากเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลล่ะก็ ก็อย่าลืมว่ามีช่องเสียบ Micro SD Card ที่รีโมต เอาไว้ให้คุณเพิ่มหน่วยความจำได้ครับ
เพราะ Phantom 4 Pro ใช้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต เป็นจอมอนิเตอร์เหมือนกับโดรนรุ่นก่อนๆ เราจึงสามารถโหลดแอปพลิเคชั่นต่างๆ มาติดตั้งไว้ในสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตนั้นได้ตามปกติ ไม่ว่าแอปฯแต่งภาพ แอปฯ ช่วยจัดการการบิน หรือแอปฯ อื่นๆ ที่ช่วยเสริมเทคนิคเจ๋งๆ ให้การบินโดรนของคุณครับ แต่สำหรับ Phantom 4 Pro+ ซึ่งมีจอแบบบิ้วท์อิน เราจะสามารถลงได้แค่ 5 แอปพลิเคชั่นที่ถูกกำหนดไว้เท่าน้ัน ประกอบด้วย DJI Go / Facebook / Twitter / Weibo / Instagram แต่ทั้งนี้ มันก็มีเบราว์เซอร์ให้เราเข้าไปหาข้อมูลต่างๆ หรือแม้แต่ใช้เพื่อเข้าไปใน Google Store ได้ ตรงนี้ ทำให้เราแอบคาดหวังได้ว่า ในอนาคตอาจจะมีการอัปเดตโปรแกรม ให้เราสามารถลงแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ใน Phantom 4 Pro+ ได้ครับ
#Live Streaming (การถ่ายทอดสด)
ทั้งสองรุ่นสามารถทำ Live Streaming หรือถ่ายทอดสดภาพและเสียงผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กได้ง่ายๆ เหมือนกันครับ แต่จะต่างกันตรงที่ ถ้าเป็น Phantom 4 Pro เสียงที่ถ่ายทอดจะถูกอัดมาด้วยไมค์ ของสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตที่คุณต่อเชื่อมอยู่ ส่วนใน Phantom 4 Pro+ เสียงจะถูกอัดด้วยไมค์บิ้วท์อิน ซึ่งอยู่ที่จอมอนิเตอร์บิ้วท์อินของมันนั่นเอง ซึ่งจากการทดสอบแล้ว พบว่าทั้งคู่ให้ผลลัพธ์ที่ดีทีเดียวครับ
จุดที่ต่างกันจริงๆ คงเป็นเรื่องการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตมากกว่า เพราะใน Phantom 4 Pro ตัวสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต จะสามารถใช้เชื่อมต่อกับสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้โดยตรงเลย ในขณะที่จอของ Phantom 4 Pro+ สามารถเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Wi-Fi ได้เท่านั้น ทำให้คุณต้องหาแหล่งกำเนิด Wi-Fi ให้มันเชื่อมต่อก่อน ถึงจะใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ เช่นใช้สมาร์ตโฟนเปิด Wi-Fi Hotspot แล้วค่อยเชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์ของ Phantom 4 Pro+ อีกที แต่เอาจริงๆ การทำแบบนี้ก็ไม่ยากหรอกครับ เพราะปกติเราก็ทำกันบ่อยๆ อยู่แล้ว อ้อ อีกเรื่องที่ต่างคือจอบิ้วท์อินของ Phantom 4 Pro+ ไม่มีช่องเสียบหูฟังมาให้เหมือนกับสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตปกตินะครับ เวลาจะเปิด Playback จึงต้องฟังเสียงผ่านลำโพงของจอเท่านั้น ซึ่งถ้าคุณอยู่ในที่สาธารณะ ก็อาจไม่ค่อยสะดวกได้ หรือถ้าจะพยายามหน่อย ก็อาจลองหาหูฟังที่เชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Wi-Fi มาใช้ดูครับ เพราะจอของ Phantom 4 Pro+ มันเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi ได้
------
และภาพด้านล่างนี้ คือข้อสรุปทั้งหมดของจุดหลักๆ ที่ Phantom 4 Pro ต่างกับ Pro+ ในกรณีที่ใช้จอของ iPad Mini 4 มาเปรียบเทียบครับ
------
------
โดยรวมแล้วถือว่าทั้งสองรุ่นน่าใช้ และมีจุดเด่นกับความเหมาะสมในการใช้งานที่ต่างกัน ซึ่งสำหรับ Phantom 4 Pro+ ที่มีรีโมตพร้อมจอเสร็จสรรพ และจอก็บูสให้พร้อมใช้งานได้รวดเร็ว จะเหมาะกับคนที่ต้องการความสะดวกในการถ่ายทำ ต้องการประหยัดเวลา และไม่อยากวุ่นวายกับการหาสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตมาเชื่อมต่ออีก ที่สำคัญ ยังเหมาะกับการใช้ถ่ายทำกลางแจ้งมากๆ ด้วยความสว่างของหน้าจอที่สูงจนสู้แดดได้ดี ตามที่อธิบายไปแล้วครับ
ส่วน Phantom 4 Pro ที่เรายังต้องใช้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตมาต่อเป็นมอนิเตอร์เองเหมือนเดิม ก็จะเหมาะกับคนที่ต้องการใช้จอหลายๆ ขนาด ชอบโหลดแอพพลิเคชั่นเสริมมาใช้เยอะๆ หรืออยากเอาฟุตเทจและรูปภาพที่ถ่ายไว้ไปดูได้แบบสะดวกทุกที่ทุกเวลา เพราะแค่เอาสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตไปก็จบ ไม่ต้องยกไปทั้งรีโมตเหมือนกับของ Phantom 4 Pro+ ครับ
------
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ตอบตัวเองได้หรือยังครับว่าจะเอาเงินในกระเป๋าไปมอบให้ Phantom 4 Pro หรือ Pro+ ดี แต่ถ้ายังคิดไม่ตกล่ะก็ เชิญมาลองสัมผัสของจริงก่อนตัดสินใจได้ ที่ DJI Phantom Thailand ทุกสาขา เรายินดีให้บริการครับ ^^
=======================
ข้อมูลและรูปภาพจาก – Tom's Tech Time
แปลและเรียบเรียงโดย – DJI Phantom Thailand
Phantom Thailand
ตัวแทนจำหน่าย DJI อย่างเป็นทางการ
ทดลองบินฟรีก่อนตัดสินใจ
บริการสอนการใช้งานฟรี!
#DJI_Authorized_Dealer
#DJI_Service_Center
ศูนย์บริการ DJI มาตรฐานแห่งแรกในไทย
LINE: @phantomthailand
Phone: 062-594-6441