BUYING GUIDES
JUN 14,2019
ทั้ง Osmo Action และ Osmo Pocket ต่างเป็นกล้องรุ่นใหม่สำหรับสายวิดีโอ หรือ Vlog ที่ช่วยให้ถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยประสิทธิภาพระดับสูง แถมยังมีฟังก์ชันเจ๋งๆ มากมาย จนหลายคนอาจเลือกไม่ถูก ดังนั้น การเทียบความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ในการเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ วันนี้ DJI Phantom Thailand เลยมีข้อสรุปมาลองเปรียบเทียบให้ดู ตัดสินใจได้แล้วรีบสั่งซื้อกันนะครับ ^^
Osmo Action มาพร้อมระบบกันสั่น RockSteady ผสานกับเทคโนโลยีขั้นสูง EIS (Electronic Image Stabilization) ที่ใช้ระบบซอฟต์แวร์ช่วยประมวลผล ทำให้บันทึกวิดีโอได้นิ่งสมูท แม้ลุยกิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีมแค่ไหน ก็ไม่สั่นไหวทุกการเคลื่อนกล้องครับ
ในขณะที่ Osmo Pocket มีระบบกันสั่นแบบ 3 แกนไว้ป้องกันการสั่นไหวขณะบันทึกภาพ ไม่ว่าจะเดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมต่างๆ ก็ได้ภาพวิดีโอที่ดูลื่นไหลได้เป็นอย่างดี
ทั้ง Osmo Action และ Osmo Pocket มาพร้อมกล้องประสิทธิภาพสูง โดดเด่นด้วยเซ็นเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้ว ที่สามารถถ่ายภาพนิ่งได้ชัดสุดระดับ 12MP และบันทึกวิดีโอได้ในระดับ 4K/60fps เก็บช็อตสวยๆ ได้แบบมือโปรฯ เลยล่ะครับ
แต่ Osmo Action ยกระดับไปอีกขั้น ด้วยความสามารถในการถ่ายวิดีโอ HDR ซึ่งเหมาะกับการถ่ายในบริเวณมีแสงสว่างและพื้นที่มืดอยู่ด้วยกัน จะช่วยให้ความสว่างของภาพโดยรวมมีความสมดุลมากขึ้น เก็บทุกรายละเอียดได้คมชัด แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงซับซ้อน
Timelapse
ทั้ง Osmo Action และ Osmo Pocket รองรับการถ่ายวิดีโอโหมด Timelapse ซึ่งบันทึกทุกการผจญภัยของคุณ มาเล่าสรุปเป็นช็อตสั้นๆ ได้อย่างน่าสนใจ เพียงแค่เลือกระยะห่างของการถ่ายภาพ (Interval) และช่วงเวลา (Duration) ที่ต้องการ จากนั้นปล่อยให้กล้องจัดการทุกอย่างเองได้เลยครับ ง่ายและสะดวกสุดๆ
Motionlapse
สำหรับ Motionlapse ที่ช่วยให้คุณบันทึกวิดีโอแบบ Timelapse พร้อมเคลื่อนมุมกล้องได้อย่างสวยงามราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ ฟีเจอร์นี้จะมีเพียง Osmo Pocket ที่ทำได้ แต่ Osmo Action ทำไม่ได้นะครับ อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากสร้างสรรค์วิดีโอ Motionlapse ด้วย Osmo Action ก็อาจทำได้โดยใช้วิธีถ่ายวิดีโอตามปกติ แล้วไปเร่งความเร็วโดยใช้โปรแกรมตัดต่อช่วยแทน แต่ก็ไม่ง่ายแบบระบบอัตโนมัติของ Osmo Pocket แน่นอนครับ
Slow Motion
เป็นโหมดการถ่ายวิดีโอยอดนิยม มักใช้เปลี่ยนฉากแอคชั่นที่มีการเคลื่อนไหวเร็วๆ ให้ดูช้าลง ช่วยดึงรายละเอียดได้อย่างสวยงาม และสื่ออารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น โดย Osmo Action สามารถถ่าย Slow Motion ได้ช้าสุดๆ ถึง 8 เท่า พร้อมให้ความคมชัดระดับ 1080p และเฟรมเรตที่สูงถึง 240fps ส่วน Osmo Pocket สามารถถ่าย Slow Motion ได้ช้าถึง 4 เท่า น้อยกว่า Osmo Action ครึ่งหนึ่ง แต่ก็เก็บทุกการเคลื่อนไหวได้สมูทไม่แพ้กันครับ
Long Exposure Images
สำหรับการถ่ายภาพแบบ Long Exposure นั้น Osmo Action สามารถตั้งค่าการเปิดรับแสงได้เอง สูงสุด 120 วินาที เหมาะสำหรับถ่ายภาพท้องฟ้ายามค่ำคืน หรือในสภาวะแสงน้อย ส่วน Osmo Pocket สามารถตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ได้นานเพียง 8 วินาที ดังนั้น อาจยากหน่อยกับใครที่ชอบถ่ายภาพแนวนี้ครับ
ActiveTrack vs FOV 145°
ที่ผ่านมาเหล่า Vlogger อาจเหนื่อยกับการต้องถือกล้องให้ถ่ายตัวตัวเองกลางเฟรมตลอด พร้อมพูดเล่าเรื่องราวไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ อาจใช้เวลาในการสร้างผลงานค่อนข้างนาน ดังนั้น Osmo Pocket จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีทั้งโหมด ActiveTrack และ FaceTrack ที่กล้องจะโฟกัสวัตถุเป้าหมายหรือตรวจจับใบหน้าแบบอัตโนมัติ และล็อกให้อยู่กลางเฟรมเสมอ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้เหล่า Vlogger ไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะหลุดเฟรมอีกต่อไป และโฟกัสไปที่การสร้างสรรค์ผลงานได้มากขึ้นครับ
แต่ถ้าคุณใช้ Osmo Action คุณไม่จำเป็นต้องกังวลว่าตัวเองจะหลุดออกจากเฟรมเลยครับ เพราะกล้องแอคชั่นแคมตัวนี้มาพร้อม กับเลนส์มุมกว้างที่มีขอบเขตการมองเห็นกว้างถึง 145 องศาเลยทีเดียว (FOV of 145°)
แต่พอเป็นเลนส์มุมกว้างมากๆ ผู้ใช้งานบางคนอาจกังวลเกี่ยวกับเอฟเฟกต์ตาปลา (fish-eye) ซึ่งอาจทำให้ภาพดูไม่สมจริง ปัญหานี้ไม่มีกับการใช้งานกับ Osmo Action ครับ เพราะมีฟังก์ชัน Dewarp ที่ช่วยแก้ปัญหาความผิดเพี้ยนของภาพเมื่อถ่ายในระยะใกล้ได้เป็นอย่างดี
SnapShot
เริ่มต้นถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วภายใน 2 วินาที ด้วยฟีเจอร์ SnapShot บน Osmo Action เพียงกดปุ่มชัตเตอร์เมื่อกล้องอยู่ในโหมดพักเครื่องหรือปิดเครื่อง เพื่อเข้าสู่โหมดถ่ายภาพทันที จับทันทุกช็อตเด็ดครับ
ส่วน Osmo Pocket ก็สามารถเปิดใช้งานได้รวดเร็วเช่นกัน เพียงกดปุ่มพาวเวอร์เท่านั้น ตัวกล้องก็พร้อมให้ถ่ายภาพสวยๆ โดยไม่จำเป็นต้องปรับบาลานซ์ของอุปกรณ์ก่อนเริ่มการใช้งานเลยครับ
Story Mode
Story Mode เป็นฟีเจอร์ที่มีเฉพาะ Osmo Pocket เท่านั้น ช่วยในการสร้างสรรค์วิดีโอแบบมืออาชีพได้ง่ายๆ และรวดเร็ว เพียงเชื่อมต่อ Osmo Pocket กับสมาร์ตโฟนของคุณ ผ่านแอปพลิเคชัน DJI Mimo ก็สามารถเลือกรูปแบบการถ่ายวิดีโอ ฟิลเตอร์ และซาวน์แทรคเจ๋งๆ ได้ตามต้องการ พร้อมแชร์ช็อตสวยๆ ลงโซเชียลมีเดียได้ทันที
ส่วน Osmo Action จะไม่มีฟีเจอร์นี้นะครับ ทำให้ไม่สามารถเลือกรูปแบบการถ่ายวิดีโอได้เหมือน Osmo Pocket แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะคุณยังสามารถแก้ไข ตัดต่อวิดีโอ ใส่ซาวน์ และฟิลเตอร์ ผ่านแอปพลิเคชัน DJI Mimo ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากได้วิดีโอที่หมุนมุมกล้องเจ๋งๆ อาจต้องใช้โปรแกรมตัดต่อเข้ามาช่วยแทนครับ
Osmo Action
จอแสดงผลแบบสี 2 หน้าจอ
ส่วนด้านบนของกล้อง Osmo Action จะมีปุ่มเปิดปิดและปุ่มชัตเตอร์ ทั้งยังมีปุ่ม QS ไว้ให้เลือกสั่งงาน อยู่ที่ด้านข้างของตัวกล้องอีกด้วย ตามรายละเอียดนี้ครับ
ปุ่ม QS (Quick Switch)
ในโหมดถ่ายภาพเมื่อกดปุ่ม QS ที่อยู่ด้านข้างตัวกล้อง จะช่วยให้คุณเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งตรงนี้คุณสามารถตั้งค่า เพื่อเข้าถึงโหมดที่ใช้งานบ่อยได้ด้วยโดยแตะไปที่ไอคอนมุมขวาบน แล้วเลือกโหมดที่ต้องการ จากนั้นบันทึกไว้ในการตั้งค่าสำหรับปุ่ม QS ครับ
หากคุณอยู่ในโหมดตั้งค่าหรือกำลังใช้งานเมนู Playback แค่กดปุ่ม QS คุณจะกลับไปยังโหมดถ่ายภาพได้ทันที นอกจากนี้เพียงกดปุ่ม QS ค้างไว้ จะเป็นการสั่งงานให้สลับระหว่างการใช้หน้าจอด้านหน้าและด้านหลังอีกด้วย
รองรับการสั่งงานด้วยเสียง
ควบคุม Osmo Action ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชันการสั่งงานด้วยเสียง คุณสมบัตินี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมกล้องเพื่อถ่ายภาพหรือวิดีโอโดยไม่จำเป็นต้องคอยกดที่ตัวกล้องเลยครับ โดยมีคำสั่งทั้งหมด 5 อย่างตามภาพด้านล่างนี้ครับ
DJI Mimo App
Osmo Action รองรับการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน DJI Mimo คุณสามารถเชื่อมต่อ Osmo Action กับสมาร์ตโฟนผ่าน Wi-Fi หรือ Bluetooth โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ ช่วยให้คุณครีเอทมุมมองใหม่ๆ ในการถ่ายภาพและวิดีโอ แล้วปรับแต่ง แก้ไข และแชร์ลงโซเชียลมีเดียได้ทันที
Osmo Pocket
หน้าจอ Live view ในตัว
Osmo Pocket มาพร้อมหน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 1.08 นิ้ว ช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนการตั้งค่า และเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้หลากหลาย โดยคุณสามารถสลับระหว่างโหมดถ่ายภาพ หรือเมนู Playback และอื่นๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยมือเดียว
นอกจากนี้ บริเวณตัวด้าม Osmo Pocket ยังมี 2 ปุ่มคำสั่ง ปุ่มแรกสำหรับถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอ ปุ่มที่ 2 ใช้สำหรับเปิด-ปิดกล้องหรือใช้เปลี่ยนโหมดการทำงานของกล้องได้อย่างสะดวกครับ
Power Button
ปุ่มพาวเวอร์มีไว้สำหรับเปิดและปิดการทำงานของกล้อง แต่หากอยู่ในโหมดการถ่ายภาพ คุณสามารถกดปุ่มนี้เพื่อเป็นทางลัดเข้าถึงฟังก์ชันที่จำเป็นได้ เช่น การสลับระหว่างโหมดถ่ายภาพและโหมดถ่ายวิดีโอ สั่งรีเซ็ตทิศทางกล้องให้กลับสู่ศูนย์กลาง หรือสลับทิศทางของกล้องให้หันหน้าและหลัง เป็นต้น
นอกจากนี้ ในขณะที่กำลังปรับตั้งค่ากล้อง เมื่อกดปุ่มพาวเวอร์จะกลับไปที่เมนูการตั้งค่าก่อนหน้าได้อีกด้วย ลองดูคลิปสั้นๆ ที่ด้านล่างนี้ เพื่อเรียนรู้วิธีใช้งานครับ
DJI Mimo App
คุณสามารถเชื่อมต่อ Osmo Pocket เข้ากับสมาร์ตโฟนของคุณได้ผ่าน Universal Adapter หรือเชื่อมต่อด้วยอุปกรณ์เสริมอย่าง Wireless Module เพื่อใช้งานแอปพลิเคชัน DJI Mimoในการควบคุมกล้อง กำหนดการตั้งค่าต่างๆ เปลี่ยนโหมดการทำงานของกล้อง หรือแม้แต่เข้าถึงโหมดถ่ายภาพขั้นสูง เช่น Story Mode
ดูตารางเทียบระหว่างกล้อง Osmo Action และ Osmo Pocket ได้ที่นี่
เมื่อพูดถึงความทนทาน แน่นอนว่า Osmo Action จะมีความแกร่งกว่า Osmo Pocket ครับ เพราะถูกออกแบบมาสายเอ็กซ์ตรีมโดยเฉพาะ เช่น ตัวเลนส์และหน้าจอทัชสกรีนด้านหลังเคลือบด้วยวัสดุที่สามารถป้องกันรอยนิ้วมือ คราบน้ำมัน ดินและฝุ่นละอองขนาดเล็ก
นอกจากนี้ Osmo Action ยังสามารถใช้ถ่ายใต้น้ำได้ลึกถึง 11 เมตรโดยไม่ต้องใส่เคสครับ
สรุป! Osmo Action vs Osmo Pocket รุ่นไหนที่ใช่คุณ?
จากที่เปรียบเทียบมาทั้งหมด ตอนนี้ได้เวลาเลือกกล้องที่เหมาะกับคุณแล้วครับ โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ต่างก็เป็นกล้องจิ๋วที่ให้คุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม
หากคุณเป็นคนที่รักการผจญภัย ชอบลุยกิจกรรมสุดวิบาก หรือเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมเป็นชีวิตจิตใจ แล้วอยากได้กล้องดีๆ สักตัวไว้ถ่ายภาพและวิดีโอสวยๆ Osmo Action เป็นไอเท็มที่จะเหมาะกับคุณมากกว่า ด้วยความสามารถที่กันน้ำได้ แถมยังทนทานต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้ถึง -10°C ทีเดียว มาพร้อมราคาเบาๆ เพียง 12,000 บาทเท่านั้นครับ
แต่ถ้าคุณเป็นสาย Vlog ชอบท่องเที่ยวเก๋ๆ หรือชอบบันทึกเรื่องราวในชีวิตประจำวัน Osmo Pocket มาพร้อมกันสั่นแบบ 3 แกน ช่วยให้คุณบันทึกผลงานระหว่างไปไหนมาไหนได้แบบนิ่งสมูท ไม่มีสะดุด อีกทั้งยังมีฟีเจอร์มากมายที่ใช้งานง่าย เช่น Timelapse และ Motionlapse รวมถึง Story Mode ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้วิดีโอของคุณดูเจ๋งราวกับมือโปรฯ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการถ่ายงานวิดีโออย่างสร้างสรรค์และสมบูรณ์แบบครับ
และตอนนี้ DJI Phantom Thailand จัดโปรโมชั่นเอาใจสาย Vlog
Osmo Pocket จากราคาปกติ 13,500 บาท เหลือเพียง 12,500 บาท เท่านั้นครับ!!
เช็กความต้องการใช้งานให้ชัวร์ ว่าคุณชอบสไตล์ไหน แล้วติดต่อ DJI PHANTOM THAILAND ได้เลย แต่ก็ไม่ต้องเครียดไป เพราะทั้ง Osmo Action และ Osmo Pocket ต่างเป็นไอเท็มสุดเจ๋งให้คุณครีเอทผลงานที่ยอดเยี่ยมได้อยู่แล้วครับ ;)
=======================
DJI PHANTOM THAILAND
ตัวแทนจำหน่าย DJI อย่างเป็นทางการ ทั้ง 5 สาขา ได้ที่
-DJI @SiamDiscovery โซน Digital Lab ชั้น 2
-DJI @Central Westgate ชั้น 2
-DJI @Megabangna ชั้น 2
-DJI @Central Festival หาดใหญ่ ชั้น 3
-DJI Service Center พญาไท @KSL Tower
ทดลองบินฟรีก่อนตัดสินใจ
#DJI_Authorized_Dealer
#DJI_Service_Center
ศูนย์บริการ DJI มาตรฐานแห่งแรกในไทย
Inbox: http://m.me/everyonecanfly
LINE: http://line.me/ti/p/~@phantomthailand
Phone: 02-026-3807
http://www.phantomthailand.com
=======================
ข้อมูลจาก DJI
แปลและเรียบเรียงโดย DJI Phantom Thailand